Clair Obscur: Expedition 33 หนึ่งในเกม RPG Turn-Based ที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2025 ล่าสุดทีมพัฒนาจาก Sandfall Interactive ได้เดินทางไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของ Square Enix ที่ญี่ปุ่น เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวคิดกับทีมผู้สร้าง Final Fantasy VII: Rebirth
Naoki Hamaguchi ผู้กำกับเกม Final Fantasy VII: Rebirth ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “Guillaume Broche, Francois Meurisse, Tom Guillermin จาก Sandfall และ Alexis Garavaryan จาก Kepler ซึ่งเป็นทีมผู้สร้าง Expedition 33 ได้มาเยี่ยมสำนักงานของ Square Enix เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียและวิสัยทัศน์อย่างสร้างสรรค์” พร้อมแนบภาพถ่ายร่วมกับทีม Clair Obscur ข้างรูปสแตนดี้ของ Cloud และดาบ Buster Sword อันเป็นเอกลักษณ์ โดย Yoshinori Kitase โปรดิวเซอร์รุ่นเก๋าก็เข้าร่วมในโอกาสนี้ด้วย
นอกจากเยี่ยม Square Enix แล้ว ทีม Sandfall ยังได้ไปเยือน Kojima Productions เพื่อมอบเกมพร้อมลายเซ็นให้กับ Hideo Kojima ผู้กำกับ Death Stranding 2 อีกด้วย
แม้ปัจจุบัน Final Fantasy จะเน้นระบบการเล่นแบบโอเพนเวิลด์และการต่อสู้แบบแอ็กชัน แต่ Clair Obscur กลับเลือกใช้ระบบ Turn-Based แบบดั้งเดิมผสมกลไกใหม่อย่างจังหวะในการป้องกันและหลบหลีก พร้อมทั้งมีแผนที่ Overworld ให้ออกสำรวจระหว่างดันเจียน โดยผู้พัฒนายังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเกมของพวกเขาคือการคารวะต่อเกมยุคทองของ Square Enix อย่าง Final Fantasy VIII และ Chrono Trigger ซึ่งมีการอ้างอิงอยู่ตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนาเกม
การมาของ Clair Obscur ทำให้เกิดกระแสถกเถียงในชุมชนเกม ทั้งเว็บบอร์ด Reddit และ TikTok ว่า Final Fantasy ควรเรียนรู้อะไรจาก Expedition 33 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของ Square Enix ที่บางส่วนกังวลว่าซีรีส์หลักอาจหลงทิศจากความคิดสร้างสรรค์และยอดขายที่เคยมี โดยในงานประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา ก็มีการถามถึงโอกาสที่ Final Fantasy จะกลับไปใช้ระบบ Turn-Based อีกครั้ง ซึ่ง Square Enix ตอบเพียงว่า “รับรู้ถึงกระแสของเกม Clair Obscur” แต่ยังไม่ขอเปิดเผยแผนการสร้างภาคถัดไป
แม้ไม่อาจรู้แน่ชัดว่า Square Enix จะนำแนวคิดของ Clair Obscur ไปปรับใช้หรือไม่ แต่การพบปะระหว่างทีมพัฒนาเกมต่างยุคต่างสเกลในครั้งนี้ก็ถือเป็นสัญญาณบวกของการเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ ในวงการเกม
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net