Tesla มียอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในจีนลดลงเหลือเพียง 3,070 คันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากการลงทะเบียนประกันภัย ซึ่งลดลงถึง 69% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าบริษัทจะกลับมาผลิต Model Y รุ่นใหม่อย่างเต็มกำลังแล้วก็ตาม
จีนและสหรัฐฯ ถือเป็นสองตลาดหลักของ Tesla โดยในสหรัฐฯ บริษัทยังคงทำกำไรได้ (แม้จะลดลงในช่วงหลัง) ส่วนในจีน Tesla มียอดขายจำนวนมาก แต่รายได้ต่อคันค่อนข้างต่ำ เพราะกว่า 90% ของรถที่ขายในจีนเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ของ Model 3 และ Model Y ที่มีราคาย่อมเยา และยังต้องพึ่งพาการจัดโปรโมชันลดราคาและสินเชื่อ 0% เพื่อกระตุ้นยอดขาย
อย่างไรก็ตาม จีนยังเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Tesla เพราะโรงงาน Gigafactory Shanghai ยังทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดอื่น เช่น ยุโรป แต่ในระยะหลัง แม้จะลดราคาอย่างต่อเนื่อง Tesla ก็ยังแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน เช่น BYD, SAIC และ Geely ได้ยากขึ้น
ข้อมูลล่าสุดยังระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์จากจีนของ Tesla ก็ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ภาพรวมการผลิตและจำหน่ายอยู่ในภาวะที่ท้าทาย เพื่อกระตุ้นยอดขาย Tesla ได้ขยายโปรแกรมสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ต่อไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นสิ้นไตรมาสนี้
Tesla ทำกำไรต่อคันจากการขายรถยนต์ในจีนได้ประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 110,000 บาท (โดยประมาณ) หากไม่มีการลดราคาหรือส่งเสริมการขายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อนำโปรโมชันทางการเงินมารวมด้วย บริษัทแทบจะไม่เหลือกำไรจากยอดขายในจีนเลย
หาก Tesla ไม่สามารถเพิ่มยอดส่งมอบได้ ระดับผลประกอบการในจีนอาจกลายเป็นขาดทุนได้ในไม่ช้า โดยยอดขายเฉลี่ย 3,000–7,000 คันต่อสัปดาห์นั้นถือว่า ต่ำกว่าระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจระยะยาว ซึ่งแม้แต่ผู้ที่มองในแง่ลบต่อ Tesla ก็ยังเคยคาดการณ์ว่าจะสามารถกลับมาทำยอดขายในจีนได้ราว 10,000 คันต่อสัปดาห์ หลังจากเปิดตัว Model Y รุ่นใหม่ ทว่าความต้องการ Model Y รุ่นใหม่ในจีน ดูเหมือนจะต่ำกว่าที่คาดไว้มาก
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net