Tesla เริ่มใช้นโยบายเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมความแออัด (Congestion Fee) เพิ่มเติมจาก ค่าธรรมเนียมการจอดค้างในช่องจอดสำหรับชาร์จ (Idle Fee) ที่มีอยู่เดิมในสถานี Supercharger เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน
Tesla ระบุว่า แม้ในอนาคต รถยนต์อาจสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้เมื่อชาร์จเต็ม แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น ผู้ขับขี่ควรเคลื่อนรถออกจากจุดชาร์จทันทีที่ชาร์จเสร็จ เพื่อไม่ให้ขัดขวางการใช้งานของผู้ขับขี่รายอื่น
รายละเอียดค่าธรรมเนียม
1. ค่าธรรมเนียมการจอดค้างในช่องจอดสำหรับชาร์จ (Idle Fee):
- เรียกเก็บเมื่อรถชาร์จเต็มแล้วแต่ยังคงเสียบสายอยู่
- คิดค่าธรรมเนียมเมื่อสถานีมีการใช้งานตั้งแต่ 50% ขึ้นไป
- หากสถานีมีการใช้งาน 100% ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มเป็น 2 เท่า
- ผู้ขับขี่จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอป Tesla เมื่อใกล้ชาร์จเสร็จ และเมื่อชาร์จเต็มแล้ว
- หากนำรถออกภายใน 5 นาที จะ ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม
ประเทศ | ค่าธรรมเนียม (ต่อนาที) | ค่าธรรมเนียมเมื่อสถานีเต็ม 100% |
---|---|---|
ไทย | ฿12 | ฿24 |
2. ค่าธรรมเนียมความแออัด (Congestion Fee):
- ใช้แทน Idle Fee ในบางสถานี
- เรียกเก็บเมื่อรถยังเชื่อมต่อกับ Supercharger และมี แบตเตอรี่เกิน 80% หรือ เซสชันการชาร์จสิ้นสุดแล้ว
- มีช่วงเวลาผ่อนผัน 5 นาทีให้ผู้ขับขี่นำรถออกก่อนเริ่มคิดค่าธรรมเนียม
- Tesla หวังว่าค่าธรรมเนียมนี้จะส่งเสริมให้ผู้ใช้งาน “ชาร์จเท่าที่จำเป็น” และหลีกเลี่ยงการจอดทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น
ประเทศ | ค่าธรรมเนียมความแออัด (ต่อนาที) |
---|---|
ไทย | ฿12 |
แอป Tesla จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จจากระยะไกล พร้อมรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเสียค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น
การใช้นโยบายค่าธรรมเนียมนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึง Supercharger ได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้งานสูง
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net