ในการสัมภาษณ์พิเศษกับทาง PC Gamer Qiwei Liang เล่าถึงที่มาของนามแฝง “Soulframe” ซึ่งเขาใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ในประเทศจีน กว่าทศวรรษก่อนที่ Digital Extremes จะเริ่มพัฒนาเกมภาคต่อของ Warframe Liang ตั้งชื่อนี้เป็นนามแฝงบนโลกออนไลน์และใช้ต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่ช่วงเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเยล จนถึงการกลับมาที่จีน หลังจากเกมแรกที่เขาสร้างด้วย RPG Maker มียอดดาวน์โหลดทะลุ 4 ล้านครั้ง — เหตุการณ์ที่ทำให้เขามั่นใจว่าเกมอาจเป็นอนาคตของเขามากกว่าสายงานสถาปัตยกรรม
เขายังคงใช้นามนี้มาจนถึงปัจจุบัน ในฐานะ CEO ของสตูดิโอผู้พัฒนา Phantom Blade Zero ที่มีทีมงานกว่า 100 คน Liang เปิดเผยว่าการสร้างเกมนี้เป็น “เป้าหมายสูงสุด” มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มทำเกมมือถือกับทีมเล็ก ๆ
“ตอนที่ผมทำ RPG เกมที่สองเสร็จ ผมได้รับข้อเสนอจากบริษัทสถาปนิกในนิวยอร์ก แต่ผมกลับมาพักร้อนที่จีนและเห็นว่ามีแนวโน้ม — อุตสาหกรรมเกมจีนกำลังเติบโต” Liang กล่าว “ผมรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสครั้งใหญ่ แล้วผมก็ได้พบกับนักลงทุนคนแรก ซึ่งสนับสนุนให้เราตั้งสตูดิโอเล็ก ๆ ในจีน ผมจึงต้องปฏิเสธข้อเสนอจากนิวยอร์ก เก็บกระเป๋าคืนเดียวแล้วบินกลับจีน”
สตูดิโอของ Liang เริ่มจากเกม Side-Scrolling แอ็กชันอย่าง Rain Blood Chronicles: Mirage ก่อนจะปล่อยเกมแอ็กชัน RPG Phantom Blade: Executioners ในจีน บน PC, คอนโซล และมือถือ แต่เขาบอกว่าการทำเกมแอ็กชันขนาดใหญ่แบบ Phantom Blade Zero คือเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เสมอ “สเกลแบบนั้น แม้จะมีท่วงท่ากังฟูและสกิลที่เจ๋ง แต่ก็ยังไม่พอ” เขากล่าว “ผมภูมิใจกับผลงานเหล่านั้น แต่ก็ยังไม่พอจะถ่ายทอดแนวคิดของการสร้างโลก Phantom ที่ผมฝันไว้”
เขายังเปรียบเทียบว่าเส้นทางการพัฒนาของ Phantom Blade Zero มีความคล้ายกับการเติบโตของสตูดิโอ Larian จากเกม Divinity: Original Sin สู่ Baldur’s Gate 3 ที่มีสเกลใหญ่ขึ้นและคุณภาพการผลิตสูงขึ้น
“ใช่ — หลายคนทำเกมเพื่อหาเงิน แต่เราหาเงินเพื่อทำเกม” เขากล่าวพร้อมหัวเราะ “เราหาเงินจากตลาดเกมมือถือ และตอนแรกเราคิดว่าเราต้องทำเกมนี้โดยไม่มีนักลงทุนสนับสนุนเลย ดังนั้นเรานำเงินทั้งหมดจากเกมมือถือมาทุ่มให้ Phantom Blade Zero”
เดิมที S-Game คาดว่าจะต้องใช้ทุนส่วนตัวทั้งหมดทำ Phantom Blade Zero ในสเกลที่เล็กลง แต่ภายหลังก็ได้รับการลงทุนจาก Tencent เพื่อขยายเกมให้ใหญ่ขึ้น แม้สตูดิโอยังคงควบคุมการพัฒนาและจัดจำหน่ายเอง Liang ยังพูดถึงเกม Clair Obscur: Expedition 33 ในปีนี้ ว่าเป็นตัวอย่างเกมที่เขาอยากสร้างให้ได้
“ตอนที่ผมเล่น Expedition 33 มันทำให้ผมนึกถึง Final Fantasy 10 เพราะผมเติบโตมาในยุคนั้น” เขากล่าว “ผมมักบอกว่าผมอยากนำบรรยากาศยุค PlayStation 1 และ PlayStation 2 กลับมา ตอนที่เกมไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ถูกสร้างโดยนักพัฒนาที่มีความคิดสร้างสรรค์ เกมแบบนี้หายากในปัจจุบัน อย่าง Expedition 33 เราหวังว่าเกมของเราจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดความคิดของเราได้อย่างดีและปราณีต มันอาจไม่ใช่เกมที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น แต่ผมหวังว่ามันจะสะท้อนหัวใจที่ซื่อสัตย์ของเราได้”
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X
