Game-Key Card ของ Switch 2 ที่เก็บเพียงสิทธิ์ดิจิทัลสำหรับดาวน์โหลดเกมแทนที่จะเป็นซอฟต์แวร์จริง กลายเป็นเป้าหมายของเสียงวิจารณ์ตั้งแต่ถูกประกาศเปิดตัว ผู้เล่นในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับสื่อแบบแผ่นและการอนุรักษ์เกมมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจของ Nintendo ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม Masakazu Sugimori คอมโพสเซอร์และอดีตนักพัฒนาจาก Capcom ได้ออกมาปกป้องและเห็นต่าง โดยมองว่าหลายสิ่งที่ Nintendo ทำจริง ๆ แล้วคือการ “ปกป้องอุตสาหกรรมเกมและความบันเทิงดิจิทัลโดยรวม”
ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X วันที่ 9 กันยายน Sugimori ยอมรับว่าหนึ่งในข้อวิจารณ์ที่สมเหตุสมผลของ Game-Key Card คือ ผู้เล่นอาจไม่สามารถเข้าถึงเกมที่ตนซื้อมาได้ หากผู้จัดจำหน่ายตัดสินใจยกเลิกสิทธิ์การใช้งาน แต่เขาก็พลิกมุมมอง โดยกล่าวว่า “ของที่ไม่ใช่ดิจิทัลสามารถใช้ได้ตลอดไปหรือไม่? ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ ของจริงย่อมมีอายุการใช้งานและแตกหักในที่สุด แต่ไฟล์ดิจิทัลกลับไม่มีอายุการใช้งาน”

Sugimori มองว่าการที่ไฟล์ดิจิทัลไม่มีอายุการใช้งานคือปัจจัยสำคัญเบื้องหลังแนวทางของ Nintendo เขายังอธิบายเหตุผลต่อการตัดสินใจหลายอย่างของบริษัท ทั้งการใช้ Game-Key Card และการขึ้นราคาเกม เช่น Mario Kart World ที่สร้างกระแสถกเถียงด้วยป้ายราคา 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,540 บาท)
Sugimori มองว่า
- Game-Key Card: ช่วยป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ และลดความเสี่ยงจากการค้างสต็อก
- การขึ้นราคาเกม: ภายใต้ต้นทุนการพัฒนาที่สูงขึ้น Nintendo เลือกเป็นฝ่ายเดินหน้าปรับราคาก่อน เพื่อเปิดช่องให้บริษัทอื่นที่กำลังลำบากสามารถทำตามได้
- การยุติบริการออนไลน์ของฮาร์ดแวร์เก่า: กลายเป็นการกำหนด “อายุการใช้งาน” ของระบบ ทำให้การรีรันและวางจำหน่ายเกมบนเครื่องรุ่นใหม่ทำได้ง่ายขึ้น และสร้างงานด้านการพอร์ตเกมตามมา
แม้ Sugimori จะยอมรับว่ามุมมองนี้อาจดูอุดมคติไปบ้าง แต่เขาเห็นโดยหลักการว่า Nintendo ไม่ได้ทำด้วยความโลภ เนื่องจากบริษัทมีเงินสำรองในมือมากมหาศาลอยู่แล้ว เขามองว่า Nintendo กำลังปกป้องอุตสาหกรรม “เมื่อ Nintendo เป็นผู้นำ ทำให้บริษัทอื่นสามารถทำตามและปกป้องตัวเองได้ง่ายขึ้น และนี่คือความจริง”
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X