บทวิเคราะห์จากเว็บไซต์ Kotaku งาน Nintendo Direct เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ควรจะเป็นโอกาสกระตุ้นกระแสความตื่นเต้นให้กับแฟนเกม Switch 2 กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่จืดชืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลายคนเริ่มหมดหวังกับแนวโน้มการวางจำหน่ายเกมในรูปแบบ Game-Key Card มากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนการถ่ายทอดสด Nintendo ได้ประกาศว่า Direct ครั้งนี้จะเป็นเพียง “Partner Showcase” ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเปิดตัวเกมใหม่จาก Nintendo โดยตรง เช่น ไม่มีข่าวของ Mario 3D ภาคใหม่ หรือกำหนดวันวางจำหน่ายของ Metroid Prime 4 แม้หลายคนจะหวังพึ่งการเปิดตัวเกมจากค่ายอื่น แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เกมใหม่ที่เปิดตัวมีเพียงไม่กี่เกม เช่น Monster Hunter Stories 3: Twisted Reflection, Octopath Traveler 0 และ The Adventures of Elliot: The Millennium Tales ขณะที่เกมอื่น ๆ ที่โชว์ในงานก็ล้วนเป็นเกมที่เคยประกาศไปแล้ว เช่น Star Wars Outlaws, Borderlands 4, Madden 26 และ FC Sports 26 แม้แต่การเผยโฉมเกม Hyrule Warriors ภาคใหม่ก็ยังดูเหมือนทำแบบขอไปที ไม่มีเซอร์ไพรส์ชวนตื่นเต้น เช่น Gears of War: Reloaded ที่หลายคนลุ้นว่าจะมาลง Switch 2 ด้วย
กระแสความคาดหวังของแฟน ๆ ต่อ Switch 2 ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าสูงลิบ แต่ไม่มีแม้แต่เกมจากค่ายอื่นที่ถูกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าโผล่มาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น Hollow Knight: Silksong, Hades 2 หรือแม้แต่ข่าวลือเรื่อง Red Dead Redemption 2 ที่จะถูกพอร์ต ไม่มีสัญญาณของเกมใหญ่ ๆ อย่าง Clair Obscur: Expedition 33, Baldur’s Gate 3 หรือ Lies of P และยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวอร์ชัน Switch 2 ของ Final Fantasy VII Remake หรือ Elden Ring ด้วย
หนึ่งในเกมใหม่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในงานคือ Chillin’ by the Fire ซึ่งเป็นเกมมัลติเพลเยอร์ที่ให้ผู้เล่นนั่งล้อมวงผิงไฟร่วมกับเพื่อน ๆ โดยใช้กล้องเว็บแคมจับภาพใบหน้ามาแสดงรอบกองไฟ จุดมุ่งหมายของเกมคือการพัฒนา “ระดับกองไฟ” ให้ถึงระดับ 10 คำบรรยายของเกมระบุว่า “ความรู้สึกสำเร็จเมื่อเปลวไฟลุกโชนกลางราตรีนั้นยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขคะแนนใด ๆ” แต่แฟน ๆ หลายคนกลับมองว่าเกมนี้ยิ่งตอกย้ำความน่าผิดหวังของโชว์นี้
หนึ่งในข่าวดีเล็ก ๆ ของงานคือการประกาศเวอร์ชัน Switch 2 ของ Persona 3: Reload แต่ก็กลับกลายเป็นจุดที่ตอกย้ำความไม่พอใจของแฟน Nintendo อีกครั้ง เพราะเวอร์ชันนี้จะมาในรูปแบบ Game-Key Card ไม่ใช่ตลับเกมปกติ และมันก็ไม่ใช่เกมเดียวที่เป็นเช่นนั้น
Dragon Ball: Sparking Zero และ Pac-Man World 2 Re-Pac ก็มาในรูปแบบ Key Card เช่นกัน ขณะที่ Octopath Traveler 0 จะมีเวอร์ชันตลับบน Switch รุ่นแรก แต่หากใครซื้อเวอร์ชันนั้นก็จะไม่สามารถอัปเกรดไปยังเวอร์ชัน Switch 2 ได้ ส่งผลให้แฟน Nintendo ที่ชอบสะสมเกมแผ่นต้องเลือกระหว่างคุณภาพการเล่นกับความรู้สึกเป็นเจ้าของเกมอย่างแท้จริง
แม้จะยังมีบางค่ายที่ไม่ตัดมุมในเรื่องนี้ เช่น Cyberpunk 2077 ที่บรรจุทั้งเกมหลักและภาคเสริมลงบนตลับ 64GB ได้ Rune Factory: Guardians of Azuma และ Daemon X Machina: Titanic Scion ก็ยังใช้ตลับเช่นกัน แต่ดูเหมือนค่ายเกมที่ฐานแฟนให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของเกมจริงกลับเป็นกลุ่มแรกที่เลือกใช้ Key Card แทน ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมเกมอย่าง Final Fantasy Tactics บน Switch 2 ถึงมาเพียงโค้ดดาวน์โหลดใส่กล่อง?
แน่นอนว่าสำหรับเจ้าของเครื่อง Switch 2 ทั่วไป เรื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะยังมีเกมให้เล่นอีกมากมาย และกลยุทธ์การทยอยเปิดตัวเกมของ Nintendo ก็อาจเป็นวิธีที่เหมาะสมในระยะยาว แต่เมื่อช่วงปลายอายุของ Switch รุ่นแรกก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นมากนัก การเปิดตัว Direct ครั้งแรกหลังการวางขาย Switch 2 ควรจะเป็นจุดเปลี่ยนที่เรียกความกระตือรือร้นของแฟน ๆ กลับมาได้ แต่กลับกลายเป็นว่าความเงียบเหงายังคงดำเนินต่อไป
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X