ผู้สร้าง Mario และ Zelda อย่างชิเงรุ มิยาโมโตะ (Shigeru Miyamoto) ได้เผยถึงเหตุผลที่ Nintendo เริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตภาพยนตร์มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังความสำเร็จของ The Super Mario Bros. Movie เมื่อปี 2023
เดิมที Nintendo เคยหลีกเลี่ยงการดัดแปลงเกมเป็นภาพยนตร์มาตลอด นับตั้งแต่ภาพยนตร์ Super Mario Bros. ฉบับคนแสดงในปี 1993 ที่แสดงนำโดย Bob Hoskins ล้มเหลวทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ แม้จะมีอนิเมะจากแฟรนไชส์ต่าง ๆ เช่น Animal Crossing (เฉพาะในญี่ปุ่น) และภาพยนตร์จากซีรีส์ Pokémon ก็ตาม
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nintendo กลับเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเปิดตัว The Super Mario Bros. Movie ในปี 2023 ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และกำลังจะมีภาคต่อในปี 2026 รวมถึงภาพยนตร์จาก The Legend of Zelda ที่เตรียมเข้าฉายในปี 2027 นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเรื่องภาพยนตร์ Donkey Kong และ Luigi’s Mansion อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ Kyodo News เคยรายงานคำพูดของมิยาโมโตะว่า “เกมจะล้าสมัยเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ออกมา แต่ภาพยนตร์จะคงอยู่ตลอดไป” ซึ่งสร้างกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ แต่ต่อมา Bluesky ผู้ใช้ชื่อ Erasu ได้ตรวจสอบและพบว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการนำคำจากสองช่วงเวลามารวมกันอย่างคลาดเคลื่อน
ต้นทางของคำพูดจริงนั้นมาจากบทสัมภาษณ์ของมิยาโมโตะบนเว็บไซต์ Nintendo Dream Web ซึ่งเกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์ Nintendo โดยเขาระบุว่า: “สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ผู้คนจดจำคือแฟรนไชส์ เมื่อมีเครื่องรุ่นใหม่ออกมา เกมเก่าหลายเกมส่วนใหญ่จะไม่สามารถเล่นได้อีก และนั่นเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก” เขาเสริมว่า “ความรู้สึกเศร้าที่เห็นผลงานของเราถูกจำกัดให้เล่นได้แค่บน Virtual Console นั่นเองที่ผลักดันให้เราเริ่มผลิตภาพยนตร์”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การให้เกมเก่าเหล่านี้เล่นได้ในพิพิธภัณฑ์ของ Nintendo เองก็ยังมีข้อจำกัดอยู่อีกมาก แต่ภาพยนตร์หรือวิดีโอจะคงอยู่ตลอดไป” พร้อมทิ้งทายว่า “ผมมักพูดเสมอว่า เป้าหมายของผมคือการสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนเลือก Nintendo”
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X



