Mazda เรียกรถคืนกว่า 171,000 คันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หลังพบปัญหาที่อาจทำให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน ซึ่งบริษัทเคยปฏิเสธว่าไม่ใช่ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยอ้างว่าเกิดจากการใช้งานผิดพลาดของผู้ใช้รถ
การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุมรถ Mazda3 และ CX-30 รุ่นปี 2024–2025 โดยหน่วยงาน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ของสหรัฐฯ ระบุว่า หากเจ้าของรถเผลอเปิดสวิตช์ค้างไว้ในตำแหน่ง ON เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงโดยไม่ติดเครื่องยนต์ จนทำให้แบตเตอรี่หมด ระบบ Sophisticated Airbag Sensor จะบันทึกความผิดพลาดภายในไว้ ส่งผลให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานหากเกิดอุบัติเหตุ
ผู้ใช้จะเริ่มเห็นสัญญาณผิดปกติเมื่อชาร์จแบตเตอรี่และสตาร์ทรถใหม่ โดยจะมีไฟแจ้งเตือนถุงลมสว่างขึ้น พร้อมข้อความแสดงความผิดพลาดบนหน้าจอแสดงผล
Mazda ทราบปัญหานี้ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2024 เมื่อมีรายงานว่าไฟเตือนถุงลมติดขึ้นหลังจากแบตเตอรี่ต่ำ อย่างไรก็ตาม บริษัทใช้เวลาหลายเดือนในการสืบสวน และสรุปว่าไม่ใช่ปัญหาด้านความปลอดภัย เพราะเกิดจาก “การใช้งานหรือความผิดพลาดของลูกค้า” กระทั่งได้อัปเดตซอฟต์แวร์ระบบถุงลมนิรภัยในช่วงปลายปี
จนถึงเดือนมีนาคม 2025 หน่วยงาน NHTSA เริ่มเข้ามาสอบสวนหลังพบรายงาน 15 กรณีที่ศูนย์บริการเปลี่ยนเซนเซอร์ถุงลมเนื่องจากปัญหาดังกล่าว Mazda ยังยืนยันจุดยืนว่าไม่ใช่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยร้ายแรง แต่สุดท้ายในเดือนพฤษภาคม บริษัทจึงยอมเรียกรถคืนอย่างเป็นทางการในอเมริกาและแคนาดา
แม้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกรณีนี้ ลูกค้าจะได้รับจดหมายแจ้งเตือนในเดือนหน้า โดยสามารถนำรถเข้าศูนย์เพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์หรือเปลี่ยนเซนเซอร์ได้ฟรี
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net