การครอสโอเวอร์ระหว่าง Magic: The Gathering (MTG) กับ Final Fantasy ภายใต้ชื่อ “Universes Beyond” ได้กลายเป็นชุดการ์ดขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ MTG ไม่เพียงแค่มีการ์ด Commander สวยงามและระบบเด็คที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังสร้างกระแสในหมู่นักสะสมอย่างร้อนแรง โดยหนึ่งในการ์ดหายากที่สุดอย่าง Golden Traveling Chocobo ถูกนำไปตั้งขายบน eBay ด้วยราคาสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.6 ล้านบาท
ชุดการ์ด Final Fantasy Universes Beyond นี้มีการ์ด Golden Traveling Chocobo แบบฟอยล์เพียง 77 ใบทั่วโลก ซึ่งคล้ายกับกรณีการ์ด One Ring จากชุด The Lord of the Rings ที่เคยขายให้ Post Malone ไปในราคาหลายล้านดอลลาร์ แม้จะมีการ์ดมากกว่ากรณีของ One Ring แต่ก็ยังถือว่าหายากมาก และสามารถนำไปซื้อขายในหมู่นักสะสมได้
ล่าสุด การ์ดหมายเลข 41/77 ได้ถูกนำไปตั้งขายบน eBay โดยเริ่มจากราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.5 ล้านบาท) ก่อนจะลดลงเหลือ 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) และมีผู้ซื้อไปในราคาที่ต่อรอง ขณะที่เว็บไซต์ 130point รายงานว่าราคาขายจริงอาจอยู่ราว 40,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท หากตัวเลขนี้ถูกต้อง เท่ากับว่าการ์ดทั้ง 77 ใบจะมีมูลค่ารวมกันถึงประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 98.3 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการ์ด One Ring เสียอีก

นอกจาก Golden Chocobo แล้ว ยังมีการ์ด Traveling Chocobo แบบปกติที่อยู่ในระดับ rare สูงสุด (mythic rarity) โดยแต่ละใบจะแตกต่างกันตามสี เช่น เหลือง แดง น้ำเงิน เขียว และดำ ซึ่งทั้งหมดมีราคาค่อนข้างสูง โดยบางใบมีราคาตั้งแต่ 1,500 ดอลลาร์ขึ้นไป (ราว 49,000 บาท)
การ์ดราคาแพงอื่น ๆ ในชุดนี้ยังรวมถึงตัวละครหลักอย่าง Sephiroth, Cloud, Lightning, Terra และ Clive รวมถึงซัมม่อนในตำนานอย่าง Knights of the Round และ Bahamut โดยมีเวอร์ชันพิเศษให้สะสม เช่น แบบไม่มีกรอบ (borderless), Through the Ages และแบบฟอยล์ Surge ที่ดันราคาขึ้นไปอีกขั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมที่พุ่งสูงทำให้ผู้เล่นทั่วไปที่แค่อยากสะสมหรือเล่นเพื่อความสนุก ก็ยังแทบหาแพ็กเปิดไม่ได้ เพราะสินค้าในชุดนี้ขายหมดเร็วมาก ทั้ง booster สำหรับเล่นทั่วไป (Play Booster) และแบบนักสะสม (Collector’s Booster) ที่ตอนนี้มีขายเฉพาะตามร้านรีเซลในราคาที่ถูกปั่นสูงขึ้นมาก
แม้แต่ร้านค้าปลีกชื่อดังอย่าง Target ก็ยังถูกวิจารณ์เรื่องการตั้งราคาสูง ตัวอย่างเช่น มีผู้พบว่า Play Booster ซึ่งมีราคาแนะนำอยู่ที่ 7 ดอลลาร์ (ราว 230 บาท) ถูกตั้งขายที่ 15 ดอลลาร์ (ราว 490 บาท) ต่อซอง จนถึงขั้นต้องถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “RIP ผู้เล่นสายชิลที่แค่อยากหาซื้อการ์ด”
ถึงจะมีการคาดการณ์ว่าการพิมพ์ซ้ำจะเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมนี้ และน่าจะมีการผลิตต่อเนื่องไปอีกระยะ เนื่องจากชุด Final Fantasy เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรฐานของ MTG และสามารถใช้แข่งขันได้อย่างเป็นทางการ แต่ในเวลานี้ ความยากลำบากในการหาการ์ด รวมถึงราคาที่เอื้อมไม่ถึงสำหรับผู้เล่นทั่วไป ก็ถือเป็นประเด็นที่บั่นทอนความสนุกของเกมนี้ได้ไม่น้อย
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net