ตามรายงานจากสำนักข่าว WFMZ ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ครอบครัวหนึ่งต้องรีบหนีออกจากรถ Tesla ของตนเองในช่วงเช้าตรู่ หลังระบบช่วยขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถตัดสินใจเลี้ยวซ้ายและขับขึ้นไปบนรางรถไฟ
Jared Renshaw หัวหน้าหน่วยดับเพลิงของเขต Western Berks County ระบุว่ารถอยู่ในโหมด “ขับขี่อัตโนมัติ” ขณะเกิดเหตุ แม้จะไม่มีการยืนยันว่าเป็นโหมด Full Self-Driving (FSD) หรือไม่ แต่โหมดนี้คือระบบขับเคลื่อนที่ Tesla โฆษณาว่ารถสามารถขับเองได้ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นสาเหตุให้ Tesla กลายเป็นแบรนด์รถที่มีอุบัติเหตุมากที่สุดในสหรัฐฯ ติดต่อกัน 2 ปี
ไม่กี่นาทีหลังจากครอบครัวดังกล่าวหนีออกจากรถ ก็มีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วและชนเข้าใส่รถ Tesla ที่จอดคาอยู่บนราง จากภาพในโซเชียลของบริษัทลากรถท้องถิ่นพบว่า รถถูกชนเฉียดเพียงไม่กี่นิ้วและเสียหายแค่กระจกมองข้างเท่านั้น ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
แม้ตัวรถจะเสียหายไม่มาก แต่กระบวนการนำรถออกจากรางกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหน่วยกู้ภัยไม่สามารถลากรถขึ้นรถบรรทุกได้ตามปกติ เนื่องจากกลัวว่าอาจไปกระทบกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความไวไฟสูง จึงต้องใช้เครนยกออกแทน หากเกิดความเสียหายขึ้นจริง อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้น้ำหลายหมื่นแกลลอนเพื่อดับไฟ
ถึง Tesla จะถูกวิจารณ์อย่างหนักจากทั้งยอดขายที่ตกต่ำและภาพลักษณ์ของซีอีโอ แต่ด้วยจำนวนรถที่มีอยู่ในท้องถนน ทำให้หน่วยงานตำรวจเริ่มเจอกับเหตุการณ์เกี่ยวกับรถ Tesla บ่อยขึ้น Renshaw เผยว่า แม้ที่ผ่านมาเคยเจออุบัติเหตุของรถ Tesla มาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้โดยสารบอกว่ารถอยู่ในโหมดขับอัตโนมัติขณะเกิดเหตุ
ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ โหมด FSD นี้ยังเป็นหัวใจหลักของ Robotaxi หรือรถแท็กซี่ไร้คนขับที่ Tesla เพิ่งเริ่มให้บริการในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งจากรายงานล่าสุดก็พบว่าการใช้งานเต็มไปด้วยปัญหา
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net