Naoki Hamaguchi ผู้กำกับซีรีส์ Final Fantasy VII Remake ได้เปิดเผยเหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในเกม ซึ่งจะมาพร้อมกับการวางจำหน่ายบน Nintendo Switch 2 และ Xbox Series X|S ที่กำลังจะมาถึง โดยฟีเจอร์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Streamlined Progression” หรือที่บางคนเรียกว่า “โหมดโกง” และ “โหมดพระเจ้า”
ระบบนี้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเปิดใช้งานตัวเลือกพิเศษ เช่น “HP เต็มตลอดเวลา”, “MP เต็มตลอดเวลา” หรือ “สร้างดาเมจ 9999 ทุกครั้ง” ทำให้สามารถผ่านการต่อสู้และสำรวจเนื้อเรื่องได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการโฟกัสกับเนื้อเรื่องโดยเฉพาะ
Hamaguchi ให้สัมภาษณ์กับ AUTOMATON Japan ว่า เขาทราบดีว่าฟีเจอร์นี้จะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งผู้เล่นและทีมพัฒนาเอง แต่เขาเป็นผู้ผลักดันให้มันถูกเพิ่มเข้ามาในที่สุด “เหตุผลหลักคือการที่เราสามารถประกาศขยายซีรีส์ FFVII Remake ไปยังแพลตฟอร์มอื่นได้แล้ว การเปิดตัวในช่วงเวลานี้เองที่ทำให้เราตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์ Streamlined Progression เข้ามา”

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การขยายไปยังแพลตฟอร์มใหม่ทำให้ต้องคำนึงถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่อาจรู้สึกหนักใจหากต้องเล่นตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้าย “เราต้องการให้ผู้เล่นใหม่สามารถเข้าถึงประสบการณ์ของซีรีส์นี้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาระเกินไป”
แนวคิดนี้ยังได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Hamaguchi เอง “โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบลองเล่นเกมใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่ออัปเดตตัวเองกับวงการ แต่เพราะเวลามีจำกัด ผมจึงมักเล่นได้ไม่ไกลนัก บางครั้งก็รู้สึกว่าอยากมีฟังก์ชันดีบักเพื่อให้เล่นได้เร็วขึ้นและเข้าใจภาพรวมของเกมได้ครบ”
อย่างไรก็ตาม Hamaguchi ย้ำว่า การเพิ่มฟีเจอร์แบบนี้ตั้งแต่วันวางจำหน่ายเกมใหม่อาจเป็นความผิดพลาด “ถ้าเราใส่มันตั้งแต่ภาคสามตอนเปิดตัว มันอาจสร้างเสียงวิจารณ์อย่างหนัก เพราะจะทำลายประสบการณ์ของแฟน ๆ ที่รอคอยมานาน และอาจเกิดปัญหาเรื่องสปอยล์ด้วย ดังนั้นการใส่ฟังก์ชันนี้ในภาคแรกที่ออกตั้งแต่ปี 2020 จึงมีความเหมาะสมกว่า”
น่าสนใจว่า Hamaguchi ยังระบุด้วยว่า หากเปิดใช้ Streamlined Progression พร้อมเร่งความเร็วฉากคัตซีน ผู้เล่นสามารถเคลียร์เกม Final Fantasy VII Remake ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง “ถ้าเล่นเร็วหน่อยอาจใช้เวลาราว 7–8 ชั่วโมงเท่านั้น” ซึ่งสั้นกว่าการเล่นปกติที่ใช้เวลาประมาณ 40–50 ชั่วโมงอย่างมาก
แม้เขาจะย้ำว่าการเล่นแบบเต็มรูปแบบโดยไม่ใช้โหมดช่วยเหลือคือสิ่งที่ทีมพัฒนาอยากให้ผู้เล่นสัมผัสมากที่สุด แต่เขาก็ยืนยันว่าการให้ผู้เล่นเลือกได้คือหัวใจของการพัฒนาเกมในยุคดิจิทัล “ทุกครั้งที่เราประกาศฟีเจอร์แบบนี้ มักมีเสียงว่า ‘นี่มันดูหมิ่นเกม!’ แม้แต่ภายในทีมเองก็มีคนคิดเช่นนั้น แต่ถ้าไม่มีใครเริ่มทำ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าการให้ผู้เล่นมีอิสระในการเลือกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคนี้”

Final Fantasy VII Remake Intergrade วางจำหน่ายแล้วบน PC (Steam) และ PS5 ขณะที่เวอร์ชัน Nintendo Switch 2 และ Xbox Series X|S มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 22 มกราคม 2026
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X