กระแสความนิยมของเกมต่อสู้แบบเทิร์นเบสกลับมาอีกครั้งในช่วงหลัง จากความสำเร็จของเกมอย่าง Baldur’s Gate 3, Metaphor: ReFantazio และ Clair Obscur: Expedition 33 ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า Square Enix จะพิจารณานำระบบการต่อสู้แบบเทิร์นเบสกลับมาใช้ในซีรีส์ Final Fantasy ภาคหลักหรือไม่ในอนาคต
ซีรีส์ Final Fantasy มีพัฒนาการของระบบการต่อสู้อย่างหลากหลายมาตลอดหลายสิบปี โดยเริ่มต้นจากระบบเทิร์นเบสแบบคลาสสิก ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ Active Time Battle (ATB) ในภาค 4 และค่อย ๆ พัฒนาไปสู่รูปแบบแอ็กชันมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้น Final Fantasy 10 ที่ยังคงใช้ระบบเทิร์นเบสเต็มรูปแบบเป็นครั้งสุดท้าย
เกมไม่ได้มีแค่การต่อสู้อย่างเดียว

ล่าสุด ในบทสัมภาษณ์กับ AnimeNewsNetwork โปรดิวเซอร์ซีรีส์ Final Fantasy อย่าง Naoki “Yoshi-P” Yoshida ถูกถามว่า ความสำเร็จของ Clair Obscur: Expedition 33 ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Final Fantasy ด้วยนั้น มีผลต่อการตัดสินใจด้านระบบต่อสู้ใน Final Fantasy 17 หรือไม่
Yoshi-P ตอบอย่างเป็นกลางว่า “คำถามเรื่องเทิร์นเบสหรือแอ็กชัน มักจะโฟกัสแค่ระบบต่อสู้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่รวมถึงสิ่งที่ทีมผู้สร้างต้องการถ่ายทอดให้ผู้เล่นเลย ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีคุณภาพกราฟิกบางอย่างที่เราอยากแสดงออก หรือมีเรื่องราวที่อยากเล่า สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อวิธีที่เราจะวางระบบของเกมทั้งเกม”
เขาอธิบายว่า คำถามนี้มีหลายแง่มุม และไม่สามารถตอบได้ด้วยคำว่า “จะเทิร์นเบสหรือไม่” เพียงอย่างเดียว เพราะมันรวมถึงระบบต่อสู้ การออกแบบเกม และอารมณ์การเล่นทั้งหมด

“มันไม่สามารถสรุปชัดเจนได้ว่าเกมจะเป็นเทิร์นเบสหมด หรือจะเน้นแอ็กชันทั้งหมด เราไม่อยากปิดกั้นหรือจำกัดผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์ของเกมภาคต่อ ๆ ไป อย่าง Final Fantasy 17 หรือ 18 ด้วยแนวทางตายตัว”
Yoshi-P ยังกล่าวด้วยว่าเขา “ไม่จำเป็นต้อง” เป็นคนทำภาคหลักถัดไป และไม่อยากออกความเห็นตายตัวว่าเกมจะออกมาเป็นแบบไหน
ในยุคปัจจุบัน เกมเทิร์นเบสมักมีองค์ประกอบแบบไดนามิกเสริมเข้ามา เช่น ระบบปัดป้องของ Expedition 33 ซึ่งทำให้แฟน ๆ หลายคนคาดหวังว่า Square Enix อาจสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในขอบเขตของระบบเทิร์นเบสได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net