Pawel Sasko ผู้กำกับร่วมของ Cyberpunk 2 และอดีตหัวหน้าทีมออกแบบเควสต์ใน The Witcher 3 เปิดเผยว่าเกม RPG ระดับตำนานจากปี 2015 อย่าง The Witcher 3 มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภาพจำของคำว่า “เกมสำหรับผู้ใหญ่” ให้ลึกซึ้งและหลากหลายยิ่งขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ GamesRadar+ Sasko กล่าวว่า ในช่วงรอยต่อระหว่าง The Witcher 2 (2011) กับ The Witcher 3 (2015) เกมที่มีเนื้อหา “ผู้ใหญ่” มักถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับแค่สองอย่างเท่านั้น คือ “ความรุนแรง เช่น การฆ่า” และ “เรื่องเพศหรือภาพเปลือย” ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของยุคนั้น
เขากล่าวว่า “จะให้พูดว่า The Witcher 3 เป็นจุดเริ่มต้นเลยก็อาจจะเกินจริงไปนิด แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมที่ใหญ่กว่านั้น”
แล้วการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอะไร? Sasko มองว่า เป็นเพราะทีมพัฒนาที่ CD Projekt Red เองก็เริ่มโตขึ้น
“เราในฐานะผู้เล่นก็มีอายุมากขึ้นเหมือนกัน หลายคนมีครอบครัว มีลูก แล้วก็เริ่มมองหาอะไรที่ลึกกว่าความบันเทิงแบบเดิม ๆ เพราะตอนคุณอายุ 30 หรือ 40 เรื่องที่คุณเคยมองว่าสนุกในวัย 20 หรือช่วงเป็นวัยรุ่น มันอาจจะไม่ใช่อีกต่อไป”
เขาเสริมว่า The Witcher 3 ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงที่หลายคนในทีมกำลังก้าวเข้าสู่วัย 30 หรือ 40 และต้องการสร้างผลงานที่ให้มากกว่าการ “ฆ่าแบบไร้จุดหมาย” แม้แต่ในภาคแรกและภาคสองของซีรีส์ The Witcher เอง ก็มีความซับซ้อนเกินกว่าเกมทั่วไปในยุคนั้นอยู่แล้ว
“ผมคิดว่า The Witcher 3 เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของวงการเกม แม้มันอาจไม่ใช่ผู้จุดประกายโดยตรง แต่ก็สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของสื่อเกมในยุคที่ผู้เล่นและนักพัฒนาเติบโตขึ้น”
ในตอนนี้ผู้เล่นทั่วโลกต่างเฝ้าจับตาว่า The Witcher 4 จะสานต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงเนื้อหาไปได้ไกลแค่ไหน แต่ทาง CD Projekt Red ก็ย้ำว่าตอนนี้ยัง “เร็วเกินไปที่จะพูดอะไร” เกี่ยวกับเกมภาคใหม่และภาคต่อที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net