Shuji Utsumi ผู้บริหารระดับสูงของ Sega และประธานบริษัทในปัจจุบัน เปิดเผยว่าเขาเคยพยายามเสนอโครงการภาพยนตร์ Crash Bandicoot ให้กับสตูดิโอภาพยนตร์หลายแห่งในอดีต แต่กลับได้รับการปฏิเสธด้วยทัศนคติที่มองว่าวิดีโอเกมไม่ใช่สิ่งที่จริงจัง
“ตอนผมเริ่มเข้ามาในวงการวิดีโอเกม ผมหยิบ Crash Bandicoot ขึ้นมาแล้วลองถามสตูดิโอภาพยนตร์ว่าพวกเขาสนใจจะทำเป็นหนังไหม” Utsumi กล่าวกับ The Game Business “แต่ผมกลับถูกปฏิบัติแบบ… ‘วิดีโอเกมก็เหมือนธุรกิจของเล่น’ พวกเขาไม่ค่อยจริงจังกับมันเลย”
Utsumi เคยเป็นรองประธานของ Sony ตั้งแต่ปี 1994 และย้ายมาทำงานที่ Sega ในปี 1996 โดยดูแลการเปิดตัวเครื่อง Dreamcast ความลังเลของสตูดิโอภาพยนตร์ในยุคนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนัก เพราะขณะนั้นภาพยนตร์จากเกมยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ว่าจะเป็น Street Fighter (1994) ที่รายได้พอใช้ได้แต่โดนวิจารณ์เละ หรือ Super Mario Bros. (1993) ที่ล้มเหลวแทบทุกด้าน
แม้จะเข้าใจได้ แต่ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ถ้ามีภาพยนตร์ Crash Bandicoot ตั้งแต่ยุค 90 มันน่าจะออกมาสนุกไม่ใช่น้อย แม้ Rotten Tomatoes จะให้คะแนนต่ำก็ตาม
“ตอนนี้วิดีโอเกมเริ่มกลายเป็นวัฒนธรรมจริง ๆ แล้ว และมันกำลังเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์ด้วย” Utsumi กล่าวเสริม “นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมที่ผมรู้สึกดีใจมาก”
ทุกวันนี้เราเห็นได้ชัดเจนว่าภาพยนตร์จากวิดีโอเกมพัฒนาไกลจากยุค 80 และ 90 อย่างมาก จากเดิมที่เป็นเพียงโฆษณายาวของ Nintendo อย่าง The Wizard หรือหนังดัดแปลงที่ไม่น่าจดจำอย่าง Double Dragon ตอนนี้ฮอลลีวูดเริ่มให้ความสำคัญกับวิดีโอเกมในฐานะทรัพย์สินที่มีศักยภาพอย่างแท้จริง

ไม่ต้องมองไกล แค่ภาพยนตร์ Minecraft ที่กำลังทำรายได้ถล่มทลาย หรือ Super Mario Bros. ฉบับปี 2023 ที่กวาดรายได้ 1.3 พันล้านดอลลาร์จนกลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุด และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับสองของปีนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์คำพูดของเขา
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมซึ่งประสบความสำเร็จอย่าง Sonic the Hedgehog, Pokemon, Mortal Kombat, Uncharted, และ Warcraft รวมถึงซีรีส์ The Last of Us จาก HBO ที่โด่งดังเป็นพลุแตก โดยทั้งหมดนี้เป็นผลงานที่ลงทุนสูงและมีนักแสดงระดับแนวหน้าของฮอลลีวูดเข้าร่วม
เมื่อดูรายชื่อภาพยนตร์จากวิดีโอเกมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาในตอนนี้ ก็แทบจะไม่มีแฟรนไชส์เกมไหนที่ฮอลลีวูดไม่สนใจจะหยิบมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์
ท้ายที่สุด ถ้า Utsumi เลือกเสนอหนัง Crash Bandicoot ในปี 2025 แทนยุค 90 เราอาจจะได้เห็นแบนดิคูท CGI หน้าตาประหลาด ๆ วิ่งอยู่บนจอใหญ่ พร้อมกับคะแนน 38% บน Rotten Tomatoes แต่กลับกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดประจำสัปดาห์ก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net