ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 30 ปีของอนิเมะระดับตำนาน Neon Genesis Evangelion และเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษนี้ สตูดิโอ Khara ได้จัดกิจกรรมมากมาย หนึ่งในไฮไลต์คือการนำภาพยนตร์ทุกภาคกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง เพื่อให้แฟน ๆ ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของผลงานคลาสสิกอีกครั้งบนจอใหญ่
แต่สิ่งที่กลายเป็นประเด็นพูดถึงกลับไม่ใช่แค่การฉายซ้ำเท่านั้น เมื่อหนึ่งในบัญชีทางการของ Khara ได้โพสต์ภาพเฟรมเซลล์ต้นฉบับจากภาพยนตร์ The End of Evangelion พร้อมเรื่องเล่าจาก Kazuya Tsurumaki ผู้กำกับร่วม ซึ่งเผยให้เห็นถึงความทุ่มเทของทีมงานในการสร้างฉากต่อสู้สุดเข้มข้นของ Asuka
อย่างไรก็ตาม ภาพหนึ่งในนั้นกลับทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกต้องตกตะลึง เมื่อมีผู้ใช้แพลตฟอร์ม X สังเกตเห็นว่าใต้แผ่นเซลล์ของฉาก Asuka ต่อสู้กับกองกำลัง JSSDF นั้น ปรากฏภาพวาดของตัวละครจากอนิเมะคอมเมดีสุดฮา Crayon Shin-Chan ซ่อนอยู่ด้านล่างอย่างคาดไม่ถึง

“ในเวอร์ชันฉายในโรงภาพยนตร์ ทีมงานทั้งหมดถูกเปลี่ยนใหม่ โดยมีแอนิเมเตอร์ระดับท็อปจาก Production I.G. ซึ่งเชี่ยวชาญงานแอ็กชันเรียลลิสติกเข้ามาช่วย ทำให้คุณภาพของคีย์แอนิเมชันดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผมจำได้ว่าตอนเฝ้าดูพวกเขาทำคอมโพสผมรู้สึกตื่นเต้นมากกับผลลัพธ์ที่ออกมา” — Kazuya Tsurumaki
แม้ว่า Evangelion และ Crayon Shin-Chan จะเป็นอนิเมะที่ต่างขั้วกันโดยสิ้นเชิง ทั้งในโทนเรื่องและแนวศิลปะ แต่ความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองกลับสะท้อนให้เห็นเทคนิคการทำงานยุคก่อนดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และการแก้ปัญหาด้วยไหวพริบของเหล่าแอนิเมเตอร์
ในยุคก่อนที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท อนิเมะถูกสร้างด้วยวิธีวาดมือบนแผ่นใสที่เรียกว่า เซลล์ (Cel) ซึ่งศิลปินต้องระบายสีและถ่ายเฟรมต่อเฟรมเพื่อให้เกิดภาพเคลื่อนไหว หนึ่งตอนของอนิเมะอาจต้องใช้เซลล์นับพันแผ่น การจัดเรียงให้ตรงตำแหน่งกันทุกเฟรมจึงต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Peg Bar เพื่อยึดและตรึงแผ่นเซลล์ให้อยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างแม่นยำ
เมื่อภาพ Crayon Shin-Chan ปรากฏในเซลล์ Evangelion หลายคนตั้งข้อสงสัยว่ามันมาจากไหน จนกระทั่ง Masaomi Ando ผู้กำกับอนิเมะชื่อดังจากผลงาน Gakkougurashi!, Kuzu no Honkai และ Kanata no Astra ออกมาให้คำอธิบายผ่านบัญชี X ของตนเองว่า ภาพดังกล่าวเป็นเพียงเซลล์คัดทิ้งที่ถูกนำมาใช้ซ้ำเพื่อทำ Peg Bar รองด้านล่างเท่านั้น
“คนในวงการยุคเก่าคงรู้กันดี สมัยนั้นเรามักใช้แผ่นวาดที่ถูกคัดทิ้งมาตัดเป็น Peg Bar ด้านล่าง บางสตูดิโอก็ใช้ด้านหลังของกระดาษถ่ายสำเนา หรือภาพเก่าที่ไม่ใช้แล้วมาทำแทน เพราะตอนนั้นทุกที่ถังแตกกันหมด เดี๋ยวนี้พอทำงานแบบดิจิทัลแล้ว Peg Bar แบบนั้นก็หายไปหมดแล้ว…” — Masaomi Ando
คำอธิบายนี้ทำให้ปริศนาเริ่มกระจ่าง แต่ก็ยังไม่หมดคำถาม — ทำไมถึงเป็น Crayon Shin-Chan โดยเฉพาะ? เนื่องจาก The End of Evangelion เป็นผลงานร่วมระหว่างสตูดิโอ Gainax และ Production I.G. ขณะที่ Crayon Shin-Chan ผลิตโดย Shin-Ei Animation แล้วทีมงานของทั้งสองฝั่งมาได้เซลล์ของ Shin-Chan จากไหน?
คำตอบมาจากการสืบค้นของผู้ใช้ X ชื่อ Ujima ซึ่งเรียกตัวเองว่า “นักสะสมและนักจดบันทึกประวัติ Evangelion” เขาพบว่าเซลล์ Evangelion ที่เป็นประเด็นมีเครื่องหมายคำว่า “Air” หมายถึงฉากใน The End of Evangelion ที่ฉายในวันที่ 19 กรกฎาคม 1997 แต่เขาคาดว่าเฟรมนั้นอาจมาจาก Neon Genesis Evangelion: Death & Rebirth ที่เข้าฉายก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีเดียวกัน
แฟน ๆ ของ Crayon Shin-Chan ตรวจสอบต่อและพบว่า ภาพที่ถูกใช้เป็น Peg Bar ของ Evangelion มาจากตอนที่ 217 ของ Shin-Chan ชื่อตอนว่า Dad Gives Himawari a Bath ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 31 มกราคม 1997
ตามข้อมูลจากฐานข้อมูล Seesaa Wiki พบว่ามีทีมงานจาก Production I.G. สองคนที่ทำงานทั้งใน Shin-Chan และ Evangelion ในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ Takayuki Yokose และ Shinobu Tsuruga ซึ่งรับหน้าที่ทำคลีนอัปแอนิเมชันให้กับตอนดังกล่าว พวกเขาทั้งคู่ยังปรากฏชื่ออยู่ในเครดิตของ The End of Evangelion ด้วยในฐานะทีมคลีนอัปเช่นกัน
นั่นทำให้เป็นไปได้สูงว่า หนึ่งในสองคนนี้อาจเป็นเจ้าของเซลล์คัดทิ้งจาก Shin-Chan และนำมาใช้ซ้ำในงานของ Evangelion โดยไม่คาดคิด แม้จะไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่เรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากและความตั้งใจของแอนิเมเตอร์ยุคนั้น ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา งบประมาณจำกัด และใช้ทุกทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่าที่สุด
เซลล์ของ Shin-Chan ที่แอบซ่อนอยู่ใต้เฟรมของ Evangelion จึงไม่ใช่แค่เรื่องขำขันของแฟน ๆ เท่านั้น แต่มันคือหลักฐานชิ้นเล็ก ๆ ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของยุคอนิเมะวาดมือ ที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ความอดทน และความรักในศิลปะการเคลื่อนไหวอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X



