Dragon Quest I & II HD-2D Remake คือการนำแฟรนไชส์ RPG คลาสสิกของ Enix กลับมาสู่แพลตฟอร์มยุคใหม่ พร้อมด้วยฟีเจอร์และการปรับปรุงประสบการณ์เล่นเกมให้สะดวกยิ่งขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยมีในต้นฉบับคือระบบ “Auto-Battle” หรือการต่อสู้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความซ้ำซากของการต่อสู้ในเกมแนว JRPG ได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม Yuji Horii ผู้สร้างซีรีส์ และ Masaaki Hayasaka โปรดิวเซอร์ของเกม ย้ำว่าผู้เล่นไม่สามารถพึ่งพามันได้ตลอด เพราะยังมีศึกที่ท้าทายรออยู่
ทั้งสองให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Famitsu ถึงแนวคิดเบื้องหลังการเพิ่มระบบ Auto-Battle ในภาครีเมค โดยระบุว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมากนับตั้งแต่ฟีเจอร์นี้ถูกใช้ครั้งแรกใน Dragon Quest IV และทีมพัฒนาต้องการให้ภาครีเมคนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้านั้น

Horii เผยว่า เขาเลือกจะไม่ใส่ระบบนี้ในภาคเก่า ๆ เพราะต้องการให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมในการต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับ Dragon Quest I & II HD-2D Remake ซึ่งเป็นการนำเกมรุ่นบุกเบิกมาปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบัน อีกทั้งผู้เล่นจำนวนมากในภาคหลัง ๆ ต่างชื่นชอบระบบต่อสู้อัตโนมัติแบบมีกลยุทธ์ เขาจึงมองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้าไป เพื่อให้การเล่นลื่นไหลและทันสมัยมากขึ้น
ระบบ Tactics ในเกมภาคใหม่นี้มีให้เลือก 5 รูปแบบ (หนึ่งในนั้นมีเฉพาะใน Dragon Quest II) เช่น “เน้นรักษา” หรือ “ไม่ใช้ MP” แม้จะดูเหมือนใช้งานได้จำกัด แต่ระบบต่อสู้อัตโนมัติสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาด ตัวละครจะบริหารทรัพยากรและรอบการโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Horii และ Hayasaka ยืนยันว่าการใช้ระบบนี้ไม่ได้ทำให้เกมง่ายเกินไป
Horii กล่าวว่า “ถ้าต้องการเน้นเก็บเลเวล ก็ใช้ระบบ Auto-Battle ได้เลย แต่ถ้าเป็นการต่อสู้กับบอสหรือศัตรูที่แข็งแกร่ง การควบคุมด้วยตัวเองอาจดีกว่า นี่อาจกลายเป็นรูปแบบการเล่นหลักของผู้เล่นหลายคน”
ขณะที่ Hayasaka เสริมว่า “แม้แต่การต่อสู้ทั่วไป ถ้าเล่นโดยไม่ระวัง ผู้เล่นก็อาจพลาดได้เช่นกัน เราอยากให้เกมยังคงความท้าทายอยู่เสมอ”
Dragon Quest I & II HD-2D Remake วางจำหน่ายแล้วบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch, Switch 2 และ PC (Steam)
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X



