Motoi Okamoto โปรดิวเซอร์ของซีรีส์ Silent Hill กล่าวว่า เกมอย่าง Silent Hill f สามารถเกิดขึ้นได้เพราะ “การตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ที่กล้าหาญของทีมพัฒนา” เท่านั้น
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การมาถึงของ Generative AI ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เช่น Sora 2 ทำให้ประเด็นการใช้เทคโนโลยีนี้ในอุตสาหกรรมเกมกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง นักพัฒนาเกมชื่อดังอย่าง Yoko Taro ถึงกับทำนายว่าในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า นักพัฒนาอาจต้องตกงานเพราะ AI
Motoi Okamoto โปรดิวเซอร์ของซีรีส์ Silent Hill จาก Konami ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ หลังบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ Hideo Kojima เริ่มถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์ม X โดยในขณะที่ Kojima มองว่า “ภาคต่อและรีเมคของเกมในอนาคตอาจถูกสร้างขึ้นโดย AI” นั้น Okamoto กลับเน้นย้ำว่า “ควรแยกให้ชัดระหว่างภาคต่อที่เพียงทำเหมือนเดิมมากขึ้น กับภาคต่อที่กล้านำเสนอสิ่งใหม่จากรากเหง้าเดิมของเกม”

ในบทสัมภาษณ์กับ Rolling Stone Brazil (อ้างอิง DualShockers) Kojima อธิบายว่า “การสร้างภาคต่อหรือรีบูตของเกมและภาพยนตร์เป็นเรื่องง่ายกว่าผลงานต้นฉบับมาก เพราะมีพื้นฐานให้ต่อยอดอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากแฟรนไชส์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วสามารถดึงดูดการลงทุนได้ง่ายกว่า” เขาจึงคาดการณ์ว่า “ในอนาคต ภาคต่อและรีเมคจำนวนมากจะถูกสร้างด้วย Generative AI”
คำกล่าวของ Kojima ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์บนแพลตฟอร์ม X จนได้รับความสนใจจากนักสร้างสรรค์และผู้เชี่ยวชาญในวงการต่าง ๆ รวมถึงเพื่อนร่วมอาชีพของเขาอย่าง Hase Satoshi ผู้แต่งนิยายไซไฟเรื่อง BEATLESS ซึ่งได้ออกมาแสดงความเห็นว่า
“คำพูดของ Kojima ควรถูกมองว่าเป็นการต่อยอดตามธรรมชาติของผู้สร้างที่ต่อสู้มาตลอดชีวิตเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ท่ามกลางเทคโนโลยีล่าสุด เขาไม่ได้หมายความว่าให้เราพึ่งพา AI แต่เตือนว่า หากเรามัวแต่สร้างภาคต่อเพื่อเงิน เราจะถูก AI แทนที่ได้ง่าย ดังนั้นควรสร้างสิ่งใหม่ ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ”

ต่อมา Motoi Okamoto ก็ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนแนวคิดนั้น พร้อมย้ำว่า การสร้างภาคต่อที่พาแฟรนไชส์ไปในทิศทางใหม่ “ต้องใช้มากกว่าสคริปต์จาก AI” เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยมุมมองของมนุษย์อย่างแท้จริง เขากล่าวว่า “AI ไม่มีทางเลียนแบบเกมอย่าง Silent Hill f ได้”
Okamoto ระบุว่า “AI อาจสร้างภาคต่อที่อยู่ในจักรวาล Silent Hill ได้ก็จริง แต่การเลือกที่จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เช่น การย้ายฉากไปญี่ปุ่น หรือการดึงนักเขียนอย่าง Ryukishi07 มาร่วมทีม เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ ซึ่ง AI ไม่มีทางคิดเองได้”
Silent Hill f ถือเป็นภาคแรกในประวัติศาสตร์ซีรีส์ที่เปลี่ยนสถานที่จากเมืองสมมติในอเมริกา มาสู่ประเทศญี่ปุ่นในยุค 1960 อีกทั้งยังปรับระบบการเล่นให้เน้นการต่อสู้มากขึ้น พร้อมได้ Ryukishi07 นักเขียนชื่อดังจากแนววิชวลโนเวลมารับหน้าที่เขียนบท ซึ่งช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับภาคนี้
Okamoto ยอมรับว่าในตอนแรกเขาคาดว่าเสียงตอบรับของเกมอาจแตกออกเป็นสองฝั่ง แต่ในที่สุด “การตัดสินใจที่กล้าหาญ” ของทีมกลับประสบความสำเร็จ เพราะสามารถถ่ายทอดธีมที่เข้มข้น ควบคู่กับกลิ่นอายดั้งเดิมของซีรีส์ได้อย่างลงตัว Silent Hill f กลายเป็นเกมที่ทำยอดขายเร็วที่สุดในแฟรนไชส์ โดยทำยอดทะลุ 1 ล้านชุดทั่วโลกภายใน 24 ชั่วโมงหลังวางจำหน่าย
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X



