Mark Cerny สถาปนิกผู้ออกแบบ PlayStation 5 ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดความร่วมมือระหว่าง Sony และ AMD ผ่านวิดีโอสนทนากับ Jack Huynh รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ AMD กลุ่มคอมพิวเตอร์และกราฟิก ซึ่งพูดถึงเทคโนโลยีล้ำยุคภายใต้โปรเจกต์ชื่อว่า Project Amethyst
วิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ผ่านช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ PlayStation โดยเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านกราฟิกและระบบการเล่นเกมจากเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิง ซึ่ง Cerny ได้ระบุไว้ช่วงท้ายว่า “แม้เทคโนโลยีเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าตื่นเต้น และผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้กับคอนโซลในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
คำกล่าวของเขาจุดประเด็นใหญ่ทันที เพราะหลายคนมองว่าเป็นการบ่งชี้ถึง PlayStation 6 ซึ่งมีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายว่าอาจเปิดตัวในปี 2028
เทคโนโลยีหลักที่กล่าวถึงมีทั้งหมด 3 อย่าง ได้แก่ Neural Arrays, Radiance Cores และ Universal Compression ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของฮาร์ดแวร์คอนโซลในยุคปัจจุบัน ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความละเอียด และพลังงาน
Neural Arrays ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดภาระของ GPU จากการใช้งานเทคโนโลยีอัปสเกลภาพ เช่น FSR และ PSSR โดย Huynh อธิบายว่า “แทนที่จะให้ Compute Units ทำงานแยกกัน เราสร้างวิธีให้มันทำงานร่วมกัน แชร์ข้อมูล และประมวลผลแบบรวมศูนย์ ราวกับเป็น AI Engine หนึ่งเดียว”
Cerny เสริมว่า “Neural Arrays จะช่วยให้เราประมวลผลภาพขนาดใหญ่ได้ในครั้งเดียว และประสิทธิภาพที่ได้จากวิธีนี้จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม เมื่อเราพัฒนาเทคโนโลยีอัปสเกลและลดนอยส์รุ่นต่อไปด้วยกัน”
Radiance Cores คือฮาร์ดแวร์บล็อกใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการระบบแสงอย่าง Ray Tracing และ Path Tracing แบบเรียลไทม์ โดย Huynh กล่าวว่า “Radiance Cores ช่วยจัดการขั้นตอนที่ซับซ้อนในการประมวลผลแสงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่กินทรัพยากรมากที่สุด และช่วยให้ CPU มีเวลามากขึ้นสำหรับเรขาคณิตและการจำลอง ขณะที่ GPU ก็สามารถโฟกัสกับงานที่ถนัดอย่างการแรเงาและจัดแสงได้อย่างเต็มที่”
Universal Compression เป็นระบบบีบอัดข้อมูลที่ล้ำหน้าไปอีกขั้น เพราะไม่ได้จำกัดแค่กับไฟล์เท็กซ์เจอร์ แต่สามารถประเมินข้อมูลทุกชนิดที่ถูกส่งไปยังหน่วยความจำ GPU และเลือกส่งเฉพาะไบต์ที่จำเป็นเท่านั้น ลดการใช้แบนด์วิดท์และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ
Cerny อธิบายเพิ่มเติมว่า “ประโยชน์ที่ได้รับมีมากมาย ทั้งการใช้พลังงานที่น้อยลง คุณภาพของ Asset ที่สูงขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ ความสามารถในการทำงานร่วมกันของ Universal Compression กับ Neural Arrays และ Radiance Cores ซึ่งช่วยให้เราส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้เล่น”
แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะฟังดูเหมือนเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ PS6 โดยเฉพาะ แต่ Huynh ก็ย้ำว่า AMD ตั้งใจจะเปิดให้ใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม ไม่ได้ผูกขาดกับ Sony เท่านั้น
“เป้าหมายของเราคือการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาให้กับนักพัฒนาเกมบนทุกแพลตฟอร์ม เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของซิลิคอน แต่มันคือการเสริมพลังให้กับนักสร้างสรรค์และชุมชนเกมทั้งหมด”
เขาปิดท้ายว่า “เรายังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และการร่วมมือกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่าง Sony คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เราสามารถผลักดันวงการเกมไปข้างหน้าได้”
ฝั่ง Xbox เองก็มีแผนในแนวทางเดียวกัน โดยเมื่อเดือนมิถุนายน Microsoft ได้ประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนสำหรับอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงคอนโซลรุ่นใหม่และระบบคลาวด์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเดียวกันนี้อาจถูกนำไปใช้งานทั้งบนเครื่อง PlayStation และ Xbox ในอนาคต
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X
