ฮิเดโอะ โคจิมะ (Hideo Kojima) ผู้กำกับเกม Death Stranding 2 เปิดเผยเหตุผลที่ไม่สนใจทำ DLC ขนาดใหญ่ โดยมองว่า “DLC ไม่ใช่แนวทางที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ เพราะถ้าเริ่มทำแล้ว คุณจะไม่มีวันปิดโปรเจกต์ได้”
ในการให้สัมภาษณ์กับ IndieWire หลังจาก Death Stranding 2 วางจำหน่าย โคจิมะถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรกับข้อเท็จจริงที่ว่าเกมไม่เหมือนภาพยนตร์ ตัวเกมสามารถปรับปรุงได้หลังออกวางจำหน่าย ผ่านการเพิ่ม DLC หรือการออกแพตช์ ซึ่งถือเป็นความสามารถพิเศษของสื่อเกมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ตัวอย่างที่ดีคือ Death Stranding ภาคแรกที่เคยมี Director’s Cut และการอัปเดตหลายครั้งหลังวางจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม โคจิมะมองว่าบางอย่างถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ไม่ควรเปลี่ยน “มีบางอย่างที่คุณไม่ควรแตะต้อง เช่น เนื้อเรื่อง เพราะมันเกิดขึ้นในยุคสมัยหนึ่ง และควรคงอยู่แบบนั้น” เขายกตัวอย่างกรณี จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ที่เปลี่ยน Star Wars ให้เป็น CG เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่เขาไม่ต้องการทำแบบนั้นกับงานของตัวเอง “ผมไม่อยากเปลี่ยนอะไรที่กระทบกับยุคที่มันออกมา”
เมื่อพูดถึงการปรับปรุงหลังวางจำหน่าย โคจิมะระบุว่าจะเลือกแก้ไขเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวกับระบบการเล่น เช่น เพิ่มฟีเจอร์การเข้าถึง (Accessibility) ทำให้ไอเท็มใช้งานง่ายขึ้น หรือขยายขนาด UI ให้ชัดเจนขึ้น “สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ผมจะเปลี่ยน” เขากล่าว ตัวอย่างเช่น เขาอาจแก้ให้บางไอเท็มใช้งานได้สะดวกขึ้น หรือเพิ่มขนาดข้อความในหน้าจอเกม
สำหรับ DLC ขนาดใหญ่ โคจิมะมองว่าเป็นงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด “ถ้าคุณเริ่มทำ DLC คุณจะไม่มีวันปิดโปรเจกต์ได้” เขายกตัวอย่างว่ามีเกมหลายเกมที่ติดอยู่ในวังวนการออก DLC อย่างต่อเนื่อง เช่น The Sims 4 ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่เหมาะกับผู้กำกับที่เน้นเนื้อเรื่องเป็นหลักอย่างเขา
นอกจาก Death Stranding 2 แล้ว ปัจจุบันโคจิมะยังมีโปรเจกต์อื่นระหว่างพัฒนา เช่น เกม OD ที่ทำร่วมกับนักแสดงตลกและผู้กำกับภาพยนตร์ จอร์แดน พีล (Jordan Peele) ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นเกมที่ “เสี่ยง” และ “ไม่เหมือนเกมใด ๆ” รวมถึงภาพยนตร์ Death Stranding ที่เขายืนยันว่าจะไม่ใช่การดัดแปลงเกมตรง ๆ แต่จะเป็นจักรวาลใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X
