ท่ามกลางแนวโน้มที่น่ากังวลเกี่ยวกับเกมที่พัฒนาโดยใช้ Unreal Engine 5 บนเครื่อง Nintendo Switch 2 ซึ่งหลายเกมมีปัญหาด้านประสิทธิภาพ ล่าสุด Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games ออกมาให้ความเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากตัวเอนจิน Unreal Engine 5 โดยตรง แต่เกิดจากขั้นตอนการพัฒนาและการปรับแต่งของนักพัฒนามากกว่า
Sweeney กล่าวอย่างระมัดระวังว่า เขาไม่ได้ต้องการกล่าวโทษนักพัฒนาใดเป็นพิเศษ แต่ชี้ให้เห็นว่าปัญหามักมาจากการที่นักพัฒนาเริ่มต้นพัฒนาเกมโดยเน้นไปที่ฮาร์ดแวร์ระดับสูง แล้วค่อยมาเริ่มปรับแต่งสำหรับอุปกรณ์สเปกต่ำกว่าในช่วงท้ายของกระบวนการ
“สาเหตุหลักมาจากกระบวนการพัฒนา นักพัฒนาหลายรายเริ่มจากการทำเกมสำหรับฮาร์ดแวร์สเปกสูง แล้วจึงค่อยปรับแต่งและทดสอบกับเครื่องสเปกต่ำในช่วงท้าย ทั้งที่ในอุดมคติแล้ว ควรเริ่มกระบวนการปรับแต่งตั้งแต่เนิ่น ๆ” Sweeney อธิบาย
เขายังเสริมอีกว่า “แน่นอนว่าการปรับแต่งไม่ใช่เรื่องง่าย มันยากมากจริง ๆ และควรเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นของการพัฒนา ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการสร้างเนื้อหาเกมอย่างเต็มรูปแบบ”
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ Epic Games วางแผนใช้สองแนวทางหลัก โดยหนึ่งในนั้นคือการเพิ่มฟีเจอร์การปรับแต่งอัตโนมัติในอัปเดตของ Unreal Engine 5 ในอนาคต เพื่อลดภาระงานของนักพัฒนา อีกแนวทางคือการจัดคอร์สอบรมสำหรับนักพัฒนาเกมโดยเฉพาะ
Sweeney ยังยกตัวอย่างว่า Fortnite ซึ่งพัฒนาโดย Epic เอง สามารถรันบน Switch 2 ได้อย่างลื่นไหล เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม Unreal Engine 5 ก็สามารถทำงานได้ดีบนแพลตฟอร์มนี้
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X