Guillaume Broche ผู้กำกับเกม Clair Obscur: Expedition 33 ได้ออกมาเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเล่นเกม และผลงานที่มีอิทธิพลต่อวัยเด็กของเขา
Broche ไม่เคยปิดบังว่าผลงานของเขาได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากเกม RPG คลาสสิกหลายเรื่อง โดยเฉพาะซีรีส์ Final Fantasy ที่เขาเล่นมาตั้งแต่วัยเด็ก อย่างไรก็ตาม การเดินทางในโลกวิดีโอเกมของ Broche เริ่มต้นจากเกมที่เก่ากว่านั้นบนเครื่อง Sega Genesis
ในการให้สัมภาษณ์กับ Denfaminicogamer Broche เปิดเผยว่าเขามักจะเล่นเกมต่อสู้แนว Beat ‘Em Up อย่าง Altered Beast (1988) บนเครื่อง Sega Genesis ที่พ่อของเขาซื้อมาให้ แม้ว่าเกมดังกล่าวจะอยู่ห่างไกลจากแนว RPG แต่ก็มีรูปแบบการเล่นที่เรียบง่าย จำกัดเพียงการต่อย เตะ และกระโดด ซึ่งแม้ Broche จะไม่ได้ยืนยันเอง แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าความเรียบง่ายของ Altered Beast ได้ส่งอิทธิพลเข้าสู่ระบบการต่อสู้ใน Clair Obscur: Expedition 33 ที่มีทั้งการปัดป้อง กระโดด และสวนกลับ ซึ่งล้วนเป็นกลไกที่พบในเกมแอ็กชัน
หลังจากนั้น Broche ก็หันมาเล่นเกมบน PlayStation มากขึ้น โดยกล่าวว่าได้รับอิทธิพลจากซีรีส์ Final Fantasy และ Atelier นอกจากนี้เขายังเล่นเกมแอ็กชันอีกหลายเกม เช่น Devil May Cry และ Shinobi (2002) บน PlayStation 2 โดยยอมรับว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา แม้จะเล่นเกมมาตลอด แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสเครื่องและเกมคลาสสิกของ Nintendo มากนัก
ถึงจะเกิดและเติบโตในย่านฝั่งตะวันตกของกรุงปารีส ที่ผู้คนมักมองว่าวิดีโอเกมเป็น “ความบันเทิงของเด็กเนิร์ด” แต่ Broche รู้สึกดีใจที่ครอบครัวของเขามีเครื่องเล่นเกมหลายเครื่อง เขายังกล่าวอีกว่า เขามีความสุขที่ภาพลักษณ์ของวิดีโอเกมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นและเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณ YouTuber, VTuber และอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ชาวฝรั่งเศสคุ้นเคยกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X
