ในงาน gamescom asia x Thailand Game Show ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ หนึ่งในช่วงเวลาที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือการปรากฏตัวของ Tymon Smektala ผู้อำนวยการดูแลแฟรนไชส์ Dying Light จากทีม Techland ที่กลับมาอีกครั้งพร้อมภาคใหม่ล่าสุด Dying Light: The Beast
ทาง techcatchup มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ Q&A แบบใกล้ชิดกับคุณ Tymon และได้ข้อมูลเชิงลึกหลายประเด็น ทั้งเบื้องหลังการพัฒนา, ทิศทางของเกมในอนาคต รวมถึงแนวคิดที่ทำให้แฟรนไชส์นี้ยังคงแข็งแรงและน่าจับตามอง
หลังจากกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ Tymon Smektala ไดเรกเทอร์คนสำคัญจาก Techland ได้กล่าวถึงความรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากเคยมาท่องเที่ยวเมื่อ 18 ปีก่อน เขาเล่าว่า ทีมงานยังคงติดตามผู้เล่นจากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในมหานครใหญ่ หรือแม้แต่ “เกาะห่างไกลที่มีผู้เล่นเพียงคนเดียว” ก็ยังคงได้รับความสำคัญในการวิเคราะห์ฟีดแบ็กและพัฒนาเกมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เขายังประกาศ ความร่วมมือระหว่าง Dying Light และ PUBG MOBILE อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า:
“นี่จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ผู้เล่นจะได้เผชิญหน้ากับซอมบี้, Volatile และใช้อาวุธจาก Dying Light ภายในเกม PUBG Mobile อย่างเต็มรูปแบบ”
Collab นี้ถือเป็นหนึ่งในแคมเปญส่งท้ายปีที่น่าตื่นเต้นที่สุด และมีเป้าหมายชัดเจนในการเข้าถึงฐานแฟนเกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ PUBG MOBILE
นอกจากนี้คุณ Tymon ยังกล่าวถึงความคาดหวังของทีม Techland ต่อเวที The Game Awards 2025 โดยหวังว่า Dying Light: The Beast จะมีโอกาสเข้าชิงในสาขา Best Action/Adventure Game เพื่อสะท้อนถึงความพยายามและคุณภาพของผลงาน พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวขอบคุณแฟนเกมทั่วโลกที่ให้การสนับสนุนซีรีส์ Dying Light มาโดยตลอด และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทีมพัฒนาเดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

อยู่กับแฟนเกมไปอีก 2–5 ปี พร้อมอัปเดตใหญ่ปลายปี
คุณ Tymon ยืนยันว่า Dying Light: The Beast จะได้รับการอัปเดตและสนับสนุนต่อเนื่องนานถึง 5 ปี โดยจะทยอยเพิ่มพื้นที่ใหม่, โหมดเกม และความท้าทายที่โหดยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความสดใหม่ของเกมไว้ให้ได้นานที่สุด
“ปลายปีนี้เราจะมีอัปเดตใหญ่ ที่ให้ผู้เล่นอัปเกรดตัวละครได้แบบอิสระมากขึ้น พร้อมระบบความยากแบบใหม่ที่แฟนฮาร์ดคอร์ต้องถูกใจแน่นอน”
เบื้องหลังการพัฒนา: กลับสู่รากเหง้าแห่งความหลอน
แม้จะเป็นภาคใหม่ แต่ The Beast ได้รับการออกแบบให้ใกล้เคียงภาคแรกอย่างจงใจ โดยอิงจากเสียงตอบรับของแฟนเกมที่บอกว่า Dying Light ภาค 2 ขาดความเข้มข้นแบบเดิม
“ภาคแรกได้เรตติ้งจากผู้เล่นสูงถึง 90% ขณะที่ภาคสองอยู่ที่ราว 74% เราจึงย้อนกลับมาทบทวนว่า ‘อะไรที่แฟนเกมคิดถึง?’ คำตอบคือความกดดัน ความหลอน และการสำรวจด้วยตนเอง”
จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาคนี้จะไม่มีระบบ Fast Travel เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นได้ออกวิ่งสำรวจอย่างแท้จริง
การกลับมาของ Kyle Crane – การเดิมพันครั้งใหญ่
หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของภาค The Beast คือการนำตัวเอกในตำนานอย่าง Kyle Crane กลับมา ซึ่งคุณ Tymon ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ “เสี่ยงมาก”
“ถ้าเราทำผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว มันอาจกลายเป็นจุดจบของจักรวาล Dying Light เลยก็ได้ เราเลยทำงานร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าใจว่าทำไมแฟนเกมถึงรัก Crane ขนาดนั้น”
กลางคืนที่น่ากลัวกว่าเดิม – Volatile ไล่ล่าไม่ปรานี
คุณ Tymon เผยว่าเกมภาคนี้ได้นำบรรยากาศกลางคืนสุดหลอนกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะศัตรูอย่าง Volatile ที่ถูกออกแบบใหม่ให้ดุดัน ฉลาด และอันตรายกว่าทุกภาคที่ผ่านมา
“กลางคืนภาคแรกน่ากลัวจนหลายคนไม่กล้าเล่น แต่ภาคสองเบาลงมาก ภาคนี้เราผสมความเข้มข้นจากทั้งสองภาค เพื่อให้ทุกคืนเต็มไปด้วยความกลัวและลุ้นระทึก”
พื้นที่ใหม่ Castor Woods – ไม่มีปากัวร์ แต่ยังคงความมันส์
แม้จะลดปากัวร์ลงในบางพื้นที่ เช่น Castor Woods แต่ทีมงานมีเหตุผลชัดเจน
“เราต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกอึดอัด อยู่ในพื้นที่เปิดโดยไม่มีที่ให้หนี ซึ่งจะกระตุ้นอะดรีนาลินและการสำรวจแบบใหม่ แต่ยังมีรางวัลให้สำหรับคนกล้า เช่นทาวเวอร์กลางแผนที่ที่สามารถปีนได้”



มองอนาคต – Dying Light 3, ภาษาไทย และฉากในเอเชีย
- ยังไม่มีแผนเปิดตัว Dying Light 3 แต่คุณ Tymon ย้ำว่า “ไม่ปิดกั้นความเป็นไปได้”
- หากเสียงเรียกร้องภาษาไทยยังแรง มีโอกาสเพิ่มเข้าไปในเกมในอนาคต
- สนใจนำฉากประเทศแถบเอเชียมาไว้ในเกม ซึ่งคุณ Tymon บอกว่า “ชอบวัฒนธรรมและอาหารของเอเชียมาก”
Dying Light 2 ยังไม่ถูกลืม – ซัปพอร์ตต่อแน่นอน
คุณ Tymon ย้ำชัดว่าแม้จะมีภาค The Beast แล้ว แต่ Dying Light 2: Stay Human จะยังได้รับการซัปพอร์ตต่ออย่างน้อยจนถึงปีที่ 5 ตามที่เคยสัญญาไว้ และอาจนานกว่านั้นหากมีผู้เล่นต่อเนื่อง
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการสร้าง The Beast
เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ยากที่สุดในการทำภาคนี้ คุณ Tymon ตอบทันทีว่า:
“การทำให้ทุกสิ่งที่ผู้เล่นรักกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวละครอย่าง Crane มันคือภารกิจที่กดดันมาก แต่เราก็พร้อมเสี่ยง เพราะเรารู้ว่ามันสำคัญกับแฟนเกมแค่ไหน”


สรุป: The Beast จะไม่ใช่ภาคสุดท้าย – แต่คือจุดเริ่มต้นใหม่ของจักรวาล Dying Light
คุณ Tymon ทิ้งท้ายว่า Dying Light: The Beast คือทั้งการกลับไปยังรากเหง้าของซีรีส์ และเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับอนาคตของแฟรนไชส์นี้ โดยสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือการขยายจักรวาลให้กว้างขึ้นกว่าที่เคย
“ขอให้แฟนเกมชาวไทยติดตามกันต่อไป เราจะพัฒนาเกมนี้ให้ดีที่สุดสำหรับทุกคน”
หากคุณยังไม่เคยสัมผัส Dying Light: The Beast ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะที่สุด ตัวเกมวางจำหน่ายแล้วบน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC
ติดตามข่าวสารอัปเดตวงการเทคโนโลยี เกม และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมได้ที่ techcatchup.net
พร้อมช่องทางโซเชียล Facebook | Instagram | TikTok | YouTube | X



